เมืองชลบุรีสมัยอดีตโบราณนานมาแล้วนั้นยังไม่มีเขาสามมุกและชายหาดริมทะเลนั้นก็ยังมิได้ขนานนามว่า หาดบางแสน
ชายทะเลบางแสนนั้นในสมัยอดีตกาลเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง

ภายในหมู่บ้านนี้ก็จะมีครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยมั่งคั่ง และเป็นผู้นำของแห่งหนตำบลนั้น ซึ่งหัวหน้าครอบครัวนี้ก็คือกำนันบ่าย ซึ่งเป็นกำนันที่ลูกบ้านพากันเคารพนับถือเป็นอย่างดีเสมอมา กำนันบ่ายเป็นพ่อม่ายมีลูกชายอยู่คนเดียวมีชื่อว่า แสน ลูกชายของกำนันบ่ายยังอยู่ในวัยรุ่นหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆในหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้น แต่ทว่าไม่มีสาวใดที่หนุ่มแสนจะถูกตาต้องใจแม้แต่น้อย


นอกจากจะออกทะเลดังเช่นเด็กหนุ่มทั่วไปในหมู่บ้านนั้นแล้ว ยามว่างหนุ่มแสนก็ชอบที่จะทำว่าวแล้วไปเล่นว่าวที่บริเวณชายหาดตามลำพังเสมอๆ ในวันหนึ่ง หนุ่มแสนได้ไปเล่นว่าวที่ชายหาดเหมือนอย่างเคย แต่ปรากฎว่าบ่ายวันนั้นลมแรงจัดได้พัดเอาว่าวปักเป้าของหนุ่มแสนขาดลอยหายไป หนุ่มแสนได้พยายามปีนป่ายตามโขดหิน ริมทะเลขึ้นไปบนหน้าผาก็ได้พบว่ามีสาวน้อยคนหนึ่งได้เก็บว่าวของตนเองไว้ สาวน้อยคนนั้นมีชื่อว่า สามมุก เป็นหลานสาวของยายเฒ่าที่ปลูกกระท่อมหลังน้อยๆ อยู่บนหน้าผาริมทะเลนั่นเอง หนุ่มแสนความจริงก็ได้ยินมานานแล้วว่ายายเฒ่าที่อยู่บนหน้าผามีหลานสาวคนหนึ่งมาจากเมืองปลาสร้อยมาพำนักอาศัยอยู่ด้วยเป็นสาวน้อยที่หน้าตาสะสวยเป็นยิ่งนัก บรรดาหนุ่มๆ ในหมู่บ้านต่างก็พูดถึงสามมุกกันมานานแล้ว ด้วยความหลงใหลและหมายปอง เมื่อหนุ่มแสนได้เจอกับสามมุกในบ่ายวันนั้น ก็รู้สึกถูกตาต้องใจในความงามของสาวน้อยที่ชื่อว่าสามมุกนี้เช่นกัน

สามมุกกับหนุ่มแสนก็ได้ทักทายและพูดคุยกันพอสมควรจากนั้นจึงได้มีการนัดพบกันเสมอๆ และได้สนิทสนมกันมากขึ้น จนในที่สุดทั้งคู่ก็รู้ตัวว่ามีความรักใคร่ในกันและกันเข้าแล้ว ทุกครั้งที่มานัดพบกันบนหน้าผาแห่งนั้น ทั้งคู่ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างแสนหวานจนกระทั่งวันหนึ่งแสนและสามมุกก็ได้ในสัญญารักต่อกันว่า ทั้งคู่จะยึดมั่นในความรักไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหากไม่สามารถได้สมรักก็จะสังเวยชีวิตด้วยกัน ณ ที่หน้าผาอันเป็นที่พบกันครั้งแรกแห่งนี้ เมื่อได้ให้สัญญาต่อกันแล้วแสนก็ถอดแหวนที่นิ้วของตนสวมให้แก่สามมุก เพื่อเป็นเครื่องยืนยันความรักที่มีต่อกัน

ไม่ช้าไม่นานนัก ความสัมพันธ์ของแสนกับสามมุกก็ไม่สามารถเก็บไว้เป็นความลับได้ กำนันบ่ายผู้เป็นพ่อของหนุ่มแสนล่วงรู้เข้าก็โกรธเคืองลูกชายเป็นยิ่งนัก
เนื่องจากกำนันบ่ายได้พยายามไปทาบทามลูกสาวของพ่อค้าผู้มั่งคั่งในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงกันนั้นไว้แล้ว เพราะอยากให้ลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝาได้แต่งงานมีลูกมีหลานโดยเฉพาะจะต้องได้เจ้าสาวที่มีฐานะร่ำรวยเหมาะสมกับตนอีกด้วย แต่สำหรับสามมุกนั้นกำนันบ่ายเห็นว่าเป็นเพียงหลานสาวของยายเฒ่าที่ปลูกระท่อมเล็กๆ พักอาศัยอยู่บนหน้าผามีอาชีพเก็บของในป่าขายเท่านั้น ไม่ใช่คนที่ถือว่าคู่ควรกันเลยแม้แต่น้อย

กำนันบ่ายได้เรียกแสนผู้เป็นลูกชายเข้าไปหาและได้สั่งกำชับกำชาว่าห้ามมิให้คบกับสามมุกอีกต่อไปถ้าขัดคำสั่งก็จะตัดลูกตัดพ่อกันเลยที่เดียว
นับจากวันนั้นแสนจึงมิได้ขึ้นไปที่หน้าผาเพื่อพบกับสามมุกหญิงผู้เป็นที่รักอีกเลย สามมุกได้แต่เฝ้ารอคอยอยู่บนหน้าผาทุกๆวัน และในที่สุดเธอก็ได้ข่าวว่ากำนันบ่ายได้สู่ขอลูกสาวของพ่อค้าที่มีฐานะดีให้เป็นเจ้าสาวของแสนและจะมีพิธีวิวาห์ในเร็ววันนี้ สามมุกได้แต่โศกเศร้าเสียใจน้ำตารินไหลอยู่ที่หน้าผาทุกย่ำเย็นด้วยคิดว่าคนรักได้ลืมสิ้นกับคำสัญญาและหมดรักในตัวเธอแล้ว


ฝ่ายแสนนั้นก็ได้แต่ทุกข์ทรมานใจ แต่ยังมิรู้ว่าจะหาทางออกทางใดได้ เพราะในใจเขานั้นมีแต่สามมุกเท่านั้นไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ครั้นเมื่อวันวิวาห์มาถึง ขณะที่แสนกำลังนั่งเคียงข้างอยู่กับเจ้าสาวเพื่อรอรับน้ำสังข์จากแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมอวยพรนั้น จู่ๆเมฆฝนก็พัดสะลิ่วปลิวว่อนเต็มท้องฟ้าจนมืดครึ้มอึมครึมไปหมด พายุพัดอื้ออึงราวกับจะมีพายุฝนพัดกระหน่ำมาในไม่ช้านั้น ในใจแสนคิดถึงแต่สามมุก และกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดีที่จะหลีกหนีไปให้พ้นจากงานวิวาห์ได้

ขณะที่เขานั่งก้มหน้าพนมมือรอรับน้ำสังข์เคียงข้างกับเจ้าสาวนั้นเองเขาก็ได้เห็นมือคู่หนึ่งหยิบน้ำสังข์มารินอวยพรให้กับเขา แต่ทว่าสายน้ำที่รินหลั่งลงมาจากสังข์สู่มือเขานั้น ปรากฎว่ามีแหวนวงหนึ่ง ไหลออกมากับสายน้ำนั้นด้วย แหวนวงนั้นตกต้องลงบนมือทำให้เขาต้องรีบเงยหน้าขึ้นทันที แต่ทวาสาวน้อยผู้เป็นคนรดน้ำสังข์ให้เขานั้นได้วิ่งออกไปจากงานแต่งงานในทันทีทันใด

หนุ่มแสนไม่รอช้ารีบผละลุกขึ้นจากตั่งรดน้ำสังข์วิ่งพรวดออกไปจากงานพิธีวิวาห์ของตนทันที แม้จะเอ่ยปากตะโกนร้องเรียกสามมุกอย่างไรแต่สามมุกคนรักของเขาก็ยังมิมีทีท่าว่าจะหยุด เธอวิ่งอย่างสุดแรงเกิดวิ่งหนีขึ้นไปบนหน้าผา หนุ่มแสนวิ่งตามไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝนที่พรั่งพรูลงมาอย่างหนัก

ครั้นพอขึ้นไปถึงหน้าผาอันเป็นจุดนัดพบเมื่อครั้งที่รักยังหวานชื่นนั้นสามมุกก็กระโดดพุ่งตัวลงมาจากหน้าผาสังเวยชีวิตสมกับที่เคยได้ให้คำมั่นสัญญากันไว้ในวันวานต่อหน้าต่อตาหนุ่มแสนนั้นเอง ลมพายุพัดอื้ออึงสายฟ้าแลบแปลบปลาบ   เสียงฟ้าร้องคำรามโครมครือน่ากลัวแสนยืนหยุดนิ่งแสนยืนหยุดนิ่งเหมือนไร้ชีวิตอยู่บนหน้าผาแห่งนั้นมองลงไปที่ท้องทะเลเบื้องล่างเห็นคลื่นครางครวญปั่นป่วนราวกับทะเลกำลังบ้าคลั่ง ในไม่ช้าไม่นานนัก หนุ่มแสนก็กระโจนพุ่งตัวลงจากหน้าผาตามสาวคนรักของตนไปเหมือนจะยืนยันในคำมั่นสัญญาที่ตนเองก็ได้เคยให้ไว้กับคนรักว่าจะอุทิศชิวิตสังเวยแด่ความรักที่ไม่สมหวังเช่นกัน

เมื่อกำนันบ่ายและแขกเหรื่อที่มาในงานพิธีพากันวิ่งตามมาดูบนหน้าผาและได้พบกับโศกนาฏกรรมอันแสนสะเทือนใจเช่นนั้น ทุกคนก็ถึงกับอึ้งโดยเฉพาะกำนันบ่ายถึงกับหลั่งน้ำเสียใจที่ตนเองเสียใจที่ตนเองเสมือนกับเป็นคนที่ฆ่าลูกเพราะขัดขวางในความรักของลูก จนลูกต้องหาทางออกด้วยการสังเวยชีวิตเช่นนั้น
กำนันบ่ายจึงได้ตั้งชื่อหน้าผาของหมู่บ้านชาวประมงนั้นว่า “สามมุก” และบริเวณหาดทรายริมทะเลเบื้องล่างหน้าผานั้นก็ได้รับการตั้งชื่อว่า “บางแสน” เพื่อให้ทั้งสองได้อยู่คู่เคียงกันไปชั่วกาลนาน

ทั้งเขาสามมุกและหาดบางแสนล้วนแต่เป็นอนุสรณ์สถานที่ระลึกแห่งความรักของคู่รักผู้ที่ยึดมั่นในสัญญาเมื่อครั้งอดีตกาลนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.reocities.com

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น