สวัสดีเพื่อนๆสมาชิก HoroGuide.com วันนี้พี่ดวงดีนำเอาบทสวด หฤทัยสูตร ภาษาบาลีสำเนียงจีน มาให้เพื่อนๆได้สวดกันนะจ๊ะ

บทสวดนี้ พระตรีปิฎกธรรมาจารย์ (ถังซำจั๋ง) พระธรราจารย์เอกแห่งราชวงศ์ถังที่ได้ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีปได้ตัดเอาบทสนทนาระหว่างพระสารีบุตร และพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าได้ ให้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรตอบคำถามพระสารีบุตรถึง “ความว่าง” ว่าเป็นอย่างไร

เราลองมาฟังกันเลยนะจ๊ะ

Heart Sutra (Sanskrit) – หฤทัยสูตร

บทสวด

อายาวะโลกิติซัวรา โบดิสัตจัว กรรมบิรัม ปรัชญาปารมิตาจารัม จารา มะโน

วียาวะโลกิติสมา ปัญจะ สกันดา อะสัตตัสจา ซัวปาวะสูญนิยะ ปาสัตติสมา อีฮา สารีบุทรา รูปังสูญญะ สูญนิยะตา อีวารูปา

รูปานา เวทะสูญนิยะตา สูญญา นายะนา เวทะ ซารูปัง ยารูปัง สา สูญนิยะตะยา สูญนียะตา ซารูปัง

อีวา วีดานา สังญาสัง สการา วียานัม

อีฮา สารีบุทรา ซาวาดามา สูญนิยะตะ ลักษาณา

อานุภานา อานิรูตา อะมะระ อะวิมะลา อานุนา อาปาริปุนา

ทัสมาต สารีบุทรา สูญนิยะตายะ นารูปัง นาวิยานา นาสังญานา สังสการานา วียานัม

นา จักษุ โสตรา กรรณนา ชิวหา กายา มะนา ซานะรูปัง สัพพะ กันดา รัสสัส สปัตตะ วียา ดามา นาจักษุ ดาตุ ยาวะนา มะโนวีนยะนัม ดาตุ

นาวิดียา นาวิดียา เจียโย ยาวัดนา จาระมา ระนัม นะจาระมา ระนัม เจียโย นาตุขา สมุดา นิโรดา มาคา

นายะนัม นาประติ นาอะบิส สะมะยัง ตัสมาตนะ ปรัตติถา โพธิสัตวะนัม ปรัชญา ปารมิตา อาสริดะ วิหะรัชชะ จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา จิตตา อะวะระนา นัสติตวะนะ ทรัสโส วิปาริยะซา อาติกันดา นิสทรา เนียวานัม

ทรียาวะ เรียววะ สิทธะ สาวา บุดดา ปรัชญา ปารมิตา อาสวิชชะ อะนุตตะระ สัมยัก สัมโบดิม อะบิ สัมโบดา ทัสมาต เนียทาวียา ปรัชญา ปารมิตา มหามันทรา มหาวิทยะ มันทรา อะนุตตะระ มันตรา อสมา สมาธิ มันทรา

สาวา ตุขา ปรัชสา มานา สังญา อามิ เจียจัว ปรัชญา ปารมิตา มุขา มันทรา ตะติติยะ

“คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โบดิซัวฮา”

คำแปล

พระอวโลกิเตศวร………..โพธิสัตว์ทรงปรัชญา

ปรัชญาปารมิตา………….กอปร์ปัญญาอันลึกซึ้ง

ทรงเล็งเห็นได้ว่า…………ขันธ์ทั้งห้าล้วน ว่าง เปล่า ไม่ควรยึด

เป็นเหตุให้ล่วงก้าวซึ่ง………..พ้นจากทุกขะสรรพทั้งปวง

สารีบุตร!

รูป นั้น ไม่ต่าง ว่าง………ว่าง นั้นไม่ต่าง รูป ลวง

รูป คือ ว่าง สรุปล่วง…….ว่าง คือ รูป มิผิดผัน

เวทนา และ สัญญา……..อีก สังขาร วิญญาณ นั้น

ก็เป็นนัยอันเดียวกัน…………คือความ ว่าง มิต่างเลย

สารีบุตร!

ธรรมะสรรพธรรม…………ล้วนมีธรรมเป็น วางเฉย

มิ เกิด มิสูญเลย………..มิ สะอาด มิ หมองมัว

มิ เพิ่ม และ มิ ลด………..มิปรากฏปัจจัยชั่ว

ความชรา มิหลงกลัว………….แม้ มรณา มิหลงงม

ใน ว่าง จึงไร้ รูป………….ไร้ เวทนา ไร้ สัญญา นานาสนอง

ไร้ สังขาร วิญญาณ สิ้นสมปอง…(สรุป ไร้ เบญจขันธ์)

ไร้ ตา ดู ไร้ หู ฟัง…………ไร้ จมูก ลิ้ม ไร้ ลิ้น ฉัน

ไร้ กาย ไร้ จิต อัน……….(สรุป ไร้ อายตนะใน)

ไร้ รูป และ ไร้ เสียง……..ไร้ กลิ่น แม้น รส ก็ ไร้
ไร้ สัมผัส อารมณ์ ไซร้…..(สรุป ไร้ อายตนะนอก)

จึง ไร้ อวิชชา……………..(ความ)ดับอวิชชา ก็ ไร้ หนอ

มิ เพิ่ม มิ ลด พอ……….(ความ)ดับ แก่ ตาย ไร้ เช่นกัน

ไร้ ทุกข์ ไร้ นิโรธ…………ไร้ สมุทัย ไร้ มรรค นั้น

ไร้ แจ้งประจักษ์ พลัน…….ไร้ บรรลุ จงคำนึง

(เพราะล่วงถึงบรรลุแล้ว)

แท้จริงล้วน ว่างไร้…………ไม่มีอะไร ต้อง ลุ ถึง

โพธิสัตว์พระผู้ซึ่ง………….ทรงปรัชญาปารมิตา

มีจิต อิสสระ……………….ปราศอุป-สรรค นานา

เป็นจิต อิสสระ…………….ปราศอุป-สรรค นานา (ทรงย้ำ)

มิกลัว ธ สิ่งใด…………….จึงก้าวพ้นข้าม มายามวล

ทรงลุพระธรรมถ้วน………….โพธิล้วนผ่านสามโลก

ทรงลุอนุตตระ โคตร………..ทรงลุกโชติพระสัมมา

ทรงปรัชญาปารมิตา……….จึ่งรู้ว่า ปัญญา คือของสูง

เป็นมนตรา มหาฤทธิ์………เป็นมนตรา แห่งความรู้

เป็นมนตรา หาไหนสู้…….มนตร์ไหน ฤา ควรคู่

ตัดทุกข์ทั้งปวง-สู่………….สัจจะแจ้ง ไร้เท็จเฉ

จงหมั่นคำนึง ลุถึงมนตร์……ปรัชญาปารมิตา(อย่าลังเล)

(สรรเสริญว่า)

“คเต คเต ปารคเต………….ปารสังคเต โพธิ สวาหา ฯ”

(เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าหลังจากที่พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแสดงธรรมเสร็จ พระองค์ทรงสรรเสริญซึ่งแปลได้ว่า “ไป ไป ก้าวไปยังฟากฝั่งโน้น…ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิงสู่การ ตรัสรู้ เบิกบาน”)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น