วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช โดยพี่มหาทอง

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เดิมเรียกว่า วัดพระบรมธาตุ เป็นวัดใหญ่ ตั้งอยู่ภายในเขตกำแพงเมืองโบราณค่อนมาทางทิศใต้ เนื้อที่ ๒๕ ไร่ ๒ งาน มีถนนราชดำเนินตัดผ่านหน้าวัด เข้าใจว่าเดิมคงเป็นถนนโบราณ ประวัติการสร้างวัดไม่มีหลักฐานปรากฎแน่ชัดนอกจากประวัติจากตำนานที่กล่าวถึงการก่อสร้างพระมหาธาตุ ซึ่งเป็นเอกสารที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าภายหลังเหตุการณ์จริงเป็นเวลายาวนานมาก หลักฐานทางเอกสารที่ชัดเจนปรากฏขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กล่าวว่าวัดนี้เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ อุปราชปักษ์ใต้ทรงอาราธนาพระสงฆ์จากวัดเพชรจริกมาดูแลรักษาวัด และคราวที่รัชกาลที่ ๖ เสด็จประพาสเมืองนคร ได้โปรดพระราชทานนามวัดว่า วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

เ้่ดทแสอาอยนดายนว

 

ประวัติจากตำนานที่เล่าเรื่องการก่อสร้างพระบรมธาตุมีหลายสำนวนสามารถประมวลเนื้อหาได้ว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เมืองต่าง ๆ ในแว่นแคว้นชมพูทวีปได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปเก็บรักษาเคารพบูชา มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองทนธบุรี ได้พระทันตธาตุมาเก็บรักษาไว้ ต่อมามีกษัตริย์จากเมืองอื่นยกทัพมาเพื่อขอแบ่งพระทันตธาตุ กษัตริย์สิงหราชเจ้าเมืองทนธบุรีเห็นว่าจะรักษาเมืองไว้มิได้ จึงให้พระนางเหมชาลาและเจ้าชายทนทกุมารพระธิดาและพระโอรสอัญเชิญพระทันตธาตุลงเรือหนีไปลังกา เผอิญเรือกำปั่นถูกพายุพัด เรือแตก ทั้งสองพระองค์มาขึ้นฝั่ง ณ หาดทรายแก้ว แล้วฝังพระทันตธาตุไว้ เรื่องราวดำเนินต่อไปจนทั้งสองพระองค์ได้กลับไปลังกาโดยมีพระทันตธาตุสวนหนึ่งยังฝังอยู่ที่หาดทรายแก้วต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้มาพบพระทันตธาตุและโปรดให้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและสร้างเมือง ณ หาดทรายแก้ว จนสำเร็จเมืองดังกล่าวก็คือ เมืองนครศรีธรรมราช พระบรมธาตุเจดีย์ก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช ซึ่งเชื่อกันว่าเดิมเป็นเจดีย์แบบอิทธิพลศิลปะศรีวิชัย คือเป็นเจดีย์ทรงมณฑป มีหลังคาเป็นสถูปห้ายอดคล้ายพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๕ ต่อมาพระสถูปแบบศรีวิชัยทรุดโทรมลง จึงได้มีการสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกาซึ่งเป็นเจดีย์องค์ปัจจุบันครอบไว้ เชื่อกันว่าในขณะนั้นคือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ อิทธิพลพุทธศาสนาแบบลังกาในดินแดนนครศรีธรรมราชเข้มแข็งมาก นครศรีธรรมราชจึงได้รับอิทธิพลทั้งศาสนาและศิลปกรรมจากลังกา ศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุลทรงวินิจฉัยว่า พระบรมธาตุเจดีย์ปัจจุบันมีลักษณะคล้ายเจดีย์ กิริเวเทระ ในเมืองโบโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา สร้างในสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราชก็ควรสร้างหลังจากนั้นมาก ส่วนสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ภายในวัดพระมหาธาตุฯ ล้วนเป็นของที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเป็นส่วนใหญ่จะมีสิ่งก่อสร้างในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยู่บ้าง เช่น วิหารทับเกษตร วิหารพระแอด เป็นต้น

การบูรณะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นคว้าได้มีดังนี้
๑. สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ พ.ศ. ๒๑๕๕ และ ๒๑๕๙ มีการซ่อมแผ่นทองที่ปลียอดพระบรมธาตุ
๒. สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พ.ศ. ๒๑๙๐ ยอดพระบรมธาตุได้ชำรุดหักลง และได้มีการซ่อมสร้างขึ้นใหม่
๓. สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พ.ศ. ๒๒๗๕ – ๒๓๐๑ มีการดัดแปลงทางเข้าพระสถูปพระบรมธาตุบริเวณวิหารพระทรงม้า
๔. สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช พ.ศ. ๒๓๑๒ ปฏิสังขรณ์พระอารามทั่วไปภายในวัด และโปรดให้สร้างวิหารทับเกษตรต่อออกจากฐานทักษิณรอบองค์พระธาตุ
๕. สมัยพระบาทพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัด) บูรณะพระวิหารหลวง วิหารทับเกษตร พระบรมธาตุที่ชำรุด
๖. สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยพระครูเทพมุนี (ปาน) บูรณะกำแพงชั้นนอก วิหารทับเกษตร วิหารธรรมศาลา วิหารพระทรงม้า วิหารเขียน ปิดทองพระพุทธรูป
๗. สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. ๒๔๕๗ ติดตั้งสายล่อฟ้าองค์พระบรมธาตุเจดีย์

๘. สมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช รัชกาลปัจจุบัน บูรณะโดยกรมศิลปากร ดังต่อไปนี้คือ

– พ.ศ. ๒๕๑๐ บูรณะปฏิสังขรณ์วิหารธรรมศาลา

– พ.ศ. ๒๕๑๕ – ๒๕๑๗ บูรณปฏิสังขรณ์ พระวิหารหลวงและพระอุโบสถ

– พ.ศ. ๒๕๒๐ บูรณะวิหารทับเกษตรส่วนหลังคา

– พ.ศ. ๒๕๒๒ จ้างสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย ( AIT) ทำการวิจัยและสำรวจโครงสร้าง ความมั่นคงแข็งแรงของฐานรากและตัวองค์พระบรมธาตุ

– พ.ศ. ๒๕๒๓ บูรณะวิหารทับเกษตรทั้งหลัง

– พ.ศ. ๒๕๒๔ ทำความสะอาดกำจัดคราบสกปรก เช่นตะไคร่น้ำ รา อุดรอยแตก อาบน้ำยา ป้องกันการดูดซึมที่องค์พระบรมธาตุเจดีย์

– พ.ศ. ๒๕๒๕ อนุรักษ์เจดีย์ทิศบนฐานทักษิณ ๔ องค์ กำแพงแก้วฐานทักษิณ ซ่อมเครื่องสูงซ่อมทางระบายน้ำ และปูนทับหลังคาทับเกษตร ทำความสะอาดคราบสกปรกและอาบน้ำยาป้องกันการดูดซึมของน้ำที่ผิวปูนฉาบอง๕พระบรมธาตุ

– พ.ศ. ๒๕๓๐ ซ่อมกลีบบัวทองคำที่ฉีกขาดเปราะบาง เสื่อมสภาพเป็นสนิม เสริมความมั่นคงแข็งแรงที่กลีบบัวปูนปั้น ในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๓๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมธาตุโอรสสาธิราช สยามมกุฏราชกุมารเสด็จอัญเชิญแผ่นกลีบบัวทองคำขึ้นประดิษฐ์บนองค์พระบรมธาตุเจดีย์

– พ.ศ. ๒๕๓๓ บูรณะองค์พระบรมธาตุตั้งแต่วิหารทับเกษตรไปจนถึงระดับกลีบบัวคว่ำ – บัวหงายทองคำ

– พ.ศ. ๒๕๓๗ – ๒๕๓๘ บูรณะปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์ และเสริมความมั่นคงปูนแกนในปลียอด ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๕๐ ล้านบาท สิ้นทองคำ ๑๔๑ บาท

– พ.ศ. ๒๕๓๙ บูรณะพระวิหารหลวง งบประมาณ ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท

– พ.ศ. ๒๕๔๐ – ๒๕๔๒ บูรณะพระวิหารหลวง วิหารธรรมศาลา วิหารเขียน และพระระเบียงคด งบประมาณ ๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท

เป็นอีกวัดที่น่าสนใจครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปก็เข้าไปสักการะ พระมหาธาตุวรมหาวิหาร กันนะครับ

 

หมายเหตุ: ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น