เทวดา

เคล็ดลับเสริมดวง วิธีการเพิ่มพลังอิทธิฤทธิ์ให้กับเทวดาที่อยู่ใกล้ตัวเรา

รู้หรือไม่ว่าทุกๆคนเกิดมา ย่อมจะมีเทวดา หรือที่ฝรั่งเรียกว่า angel ค่อยดูแลเราอยู่ ในหลายๆวัฒนธรรมมีการพูดถึงแม่ซื้อ หรือ เทวดาประจำตัวเด็กแรกเกิด ซึ่งทำหน้าที่อุปถัมภ์เด็กที่เกิดมาให้รอดปลอดภัยจนเติบใหญ่ มาดูอีกหนึ่งความเชื่อเคล็ดลับในการเพิ่มพลังเทวดา เพื่อเสริมดวงกับพี่ดวงดีกันจ้า

เทวดา angel

นอกจากเทวดาชั้นสูงที่อยู่บนสวรรค์ชั้นพรหม ชั้นดาวดึงก์และเทวดาที่อยู่ใกล้ชิดตัวเราบนโลกมนุษย์ก็มีด้วยกันหลายจำพวก และเป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับเรามากที่สุด อาทิเช่น

เทวดาประจำตัว แม่ซื้อ ซึ่งมีทุกคนอาจจะมากน้อย แล้วแต่บุญบารมี ของบุคคลนั้นๆบำเพ็ญมา ถ้าเป็นคนทำบุญบ่อย สวดมนต์ภาวนาบ่อย เทวดา จะมารักษาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เทวดารักษาวัตถุสิ่งของ เช่น รักษาพระเครื่อง วัตถุมงคล ที่เราใช้ รักษาวัตถุมีค่าโบราณ เทวดารักษาสัตว์ที่มีคุณ ยกตัวอย่างเช่น ช้าง ม้า ที่มีลักษณะพิเศษ
เทวดารักษาสถานที่ ปู่โสม เจ้าที่ เช่น รักษาบ้านเรือน หรือเรียกว่าผีบ้านผีเรือนนั่นเอง พระภูมิเจ้าที่ เทวดารักษาห้องพระ เทวดารักษาตามวัดพระธาตุเจดีย์
รุกขเทพเทวดา ที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ ต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม จำพวก ไม้กฤษณา พิกุล หรือไม้ที่มีอายุยืน มีแก่น เทวดาจะมาอาศัยอยู่ ซึ่งมีบ้าน หรือวิมานซ้อนอยู่ในต้นไม้นั้นๆ เช่นต้นตะเคียน ต้นพยุง ต้นยาง

ซึ่งเมื่อมีการไปลบหลู่ หรือกระทำไม่ดี เทวดาเหล่านี้ก็บรรดาลให้เราเดือนร้อนได้เช่นกัน และในทางกลับกันหากเราทำดี หมั่นสวดมนต์ เจริญสมาธิเป็นประจำ เทวดาเหล่านี้ก็พลอยอยู่เย็นเป็นสุข และบรรดาลความสุข ความสำเร็จ ความปลอดภัย รวมทั้งโชคลาภให้แก่เราได้เช่นกัน

ซึ่งการบวงสรวงเพิ่มอิทธิฤทธิ์ให้กับเทวดาใกล้ตัวเรานั้น ควรทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในวันเกิด หรือให้ดีทำช่วงต้นปีหนหนึ่ง ปลายปีหนหนึ่งก็ได้ โดยวิธีการดังนี้

1. ไหว้เทวดาประจำตัวด้วยบายศรีปากชามในวันเกิดของเรา  เทวดาจะเปลี่ยนการรักษาคนทุกรอบปี ท่านจะเปลี่ยนใหม่ หรือตัดสินใจที่จะไม่ดูแลเราต่อไป ดังนั้นควรสักการะ เพื่อขอขมาหากได้ล่วงเกิน และเป็นการขอให้ท่านช่วยดูแลเราต่อไป ไม่ให้ทิ้งอาลัยในเรา ไหว้ท่านไว้ที่หัวเตียงที่เรานอน เก็บไว้ประมาณสามคืนจึงเก็บไปจำเริญ (นำไปลอยน้ำ หรือ วางไว้ใต้โคนต้นไม้  ห้ามนำไปทิ้งขยะหรือเผาไฟเด็ดขาด) บายศรีหมายถึงเครื่องสูงที่ใช้สักการะแต่โบราณ เทวดาชอบมากที่สุด ในบรรดาของไหว้ หากไม่นับของที่กินได้

2.ไหว้เทวดาด้วยพวงมาลัย ไหว้หัวเตียงที่เรานอน ทุกวันพระ หรือเก็บดอกไม้ ห้าคู่ ใส่พานไว้หัวเตียง เพื่อเป็นการสักการะเทวดาที่รักษาเวลาเรานอน และบูชาเทวดาประจำตัวเรา  วิธีการนี้คนอิสานโบราณ จะนิยมทำมากที่สุด เวลามีเรื่องอะไร เทวดาจะมานิมิตบอกทันที และจะฝันแม่นมาก จากนิมิตเทวดา แต่ห้ามคือคนที่ไม่ใช่คู่ครองเรา ห้ามขึ้นเหยียบหรือนอนบนเตียงเด็ดขาด ลูกหลานก็ไม่ได้

3.หาโอกาสทำบุญสังฆทาน ผ้าป่า กฐิน บุญใหญ่ๆ เช่น หล่อพระพุทธรูป บุญสร้างสะพาน สร้างสาธารณะกุศลที่คนได้ใช้มากๆ แล้วอุทิศกุศลให้เทวดา แล้วเทวดาเหล่านี้จะมีฤทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ จะช่วยดูแลเราได้มากขึ้น

4.การบวงสรวงเทวดา ด้วยของกินต่างๆ เวลาทำก็ไม่ยาก เอาช่วงเราสะดวก เทวดาในสี่ข้อที่กล่าวมานั้น ส่วนใหญ่ ท่านกินได้ทุกเวลา ยกเว้น วันพระ บางองค์ท่านอาจจะถือศีลแปด งดกินอาหารในเวลาวิกาล เราจึงไหว้ท่านได้ทุกเวลา การไหว้ด้วยของหยาบ จะเชื่อมระหว่างหยาบกับละเอียด ทำให้เทวดาช่วยงานเราในโลกหยาบได้มากขึ้น เพราะเทวดานั้นอยู่ในโลกทิพย์ ถ้าขาดตัวเชื่อม เขาจะทำงานยาก

ของไหว้ที่เทวดานิยมกินนั้น มีกำหนดไว้แต่โบราณ แตกต่างจากของไหว้เจ้าของจีน ทั้งขั้นตอนการทำและการจัดวาง ดังนี้

1. ไม่วางของไหว้บนภาชนะที่ใช้ใส่อาหารกินแล้ว ให้ใส่กระทงใบตองแทน เนื่องจากใบตองเป็นของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งได้เลย หากต้องวางในภาชนะต้องรองด้วยใบตองทุกครั้ง

2. ของหวานที่ขาดไม่ได้คือ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ผลไม้นั้นก็ตามแต่จะหาได้ตามฤดูกาล แต่ที่นิยมมักจะเป็นส้มโอทั้งลูก สับปะรดทั้งลูก มะพร้าวอ่อนแบบที่ยังไม่ได้ปอกเอาผิวออก ยังมีรกติดกับผลอยู่ และกล้วยน้ำหว้าสุก ไม่ใช้กล้วยแบบเขียวๆ ที่ใช้ไหว้เจ้า เนื่องจากถือว่าเป็นของดิบ

3.ของคาว ได้แก่ปลาช่อนแป๊ะซะ นึ่งปลาทั้งเกล็ดทั้งตัว เอาออกเฉพาะ “ดี” เท่านั้น หัวหมูต้มสุก เป็ดและไก่ต้มทั้งตัว พร้อมเครื่องใน ห้ามใช้ไก่หรือเป็ดที่เชือดโดยการปาดคอเอาเลือดออก ในสมัยก่อนจะใช้วิธีการบีบอกให้หายใจไม่ออกแทน ถ้ามีกำลังทรัพย์ก็อาจจะมีปูนึ่ง กุ้งนึ่งด้วยก็ได้ ทุกอย่างต้องรองด้วยใบตองวางบนภาชนะบนโต๊ะบวงสรวง

4.แจกันดอกไม้ 2 คู่  บายศรี 5 ชั้น /7ชั้น/9ชั้น 1 บายศรี  บายศรีปากชาม 2 คู่วางมุมโต๊ะ ใส่ข้าวสวยในกรวยให้เต็ม ปอกไข่ต้มเสียบยอดกรวย

5.น้ำเปล่า 2 แก้ว  น้ำหวาน 2 แก้ว (บางทีมีเหล้าขาวด้วย)

เราไหว้เทวดาชั้นผู้น้อย แบบนี้ ใช้โต๊ะ ไม่สูงมากก็ได้ หากเทพชั้นสูงๆ ต้องใช้โต๊ะที่ขาสูงขึ้นมาจนถึงระดับตาของคนไหว้ โบราณเขาเรียกตั้งศาลเพียงตา คือไหว้เทวดาแบบครบสูตร ทั้งสิบหกชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดิน แต่เราเอาพอประมาณ เพราะ เทวดา สี่ประเภท ตามที่กล่าวมา ท่านไม่อยู่สูงมาก และไม่พิธีรีตองมาก หากแต่เราเองต้องให้เกียรติท่านด้วย

เทวดาที่รักษาวัตถุ และอยู่ตามต้นไม้ ท่านชอบกินของคาว เช่น ไก่ หัวหมู ส่วนประเภท อื่นๆ นิยมผลไม้ การไหว้ บวงสรวงทำเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องไปเชิญอาจารย์ที่ไหนมาทำให้เสียเวลา ทั้งเขาและเรา เพราะผู้เขียนเองเคยเจอมา อาจารย์ผู้ทำพิธีบวงสรวงนั้น เชิญแต่ครู และเทวดาของตนเองมากินเครื่องสังเวยบูชา

ถือว่าเอาเปรียบมาก ของไหว้ก็ของเราแท้ๆ แต่เวลาเขาเชิญเอาเปรียบมากเชิญแต่ครูตนเองมารับ ในบทสวดไม่เชิญเทพเทวดา ที่จำเป็นจริงๆเลยมารับ สุดท้ายใครได้พร ก็อาจารย์ผู้บวงสรวงแหละได้รับ ส่วนเราคนลงทุนซื้อของไหว้ขาดทุนมาก

เวลาเราเตรียมของครบ ก็ไหว้พระสวดมนต์ สมาทานศีลก่อน จากนั้นจึงสวดชุมนุมเทวดาที่เป็นบาลี ใช้การอ่านเอาก็ได้ จากนั้น แล้วก็เชิญท่านเป็นภาษาที่เราพูดนี่แหละว่า ขอเชิญเทวดาที่รักษาข้าพเจ้าทั้งหมด รักษาบ้านเรือนที่อาศัยก็ดี รักษาวัตถุทุกชิ้น รุกขเทวดา ทั้งหมดในเขตนี้ รวมถึงเทวดาทุกท่าน ที่อยู่ในเขตนี้ ให้มารับเครื่องบูชาสังเวย

เราก็ขอพรท่าน ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข  จุดธูป ปักลงที่ถาดอาหารเหล่านั้น ถาดละหนึ่งดอก รอจนธูปไหม้หมด เราจึงลาของไหว้ เวลาไหว้จะสวดบาลี หรือว่าไทยก็ได้ บอกท่านว่า ลูกขอลาของอันเป็นมงคลเหล่านี้
หยิบบางส่วน ใส่ถาดเล็กๆ ปักธูป หนึ่งดอก ไปวางนอกเขตบ้านเรา หรือทางสามแพร่ง เป็นการให้ทานสัมภเวส ของที่เหลือทั้งหมด แจกจ่ายกันไปกิน เป็นสิริมงคล

เทวดา

ขอขอบคุณความรู้ดีๆ จาก อ.ปาล์ม พุทธอุทยานเวสสุวัณ จ.อุบลราชธานี

 


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น