พาเที่ยว : วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ

พาเที่ยว : วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ

วันนี้พี่ดวงเฮงพาเที่ยววัดหลวงพ่อโต (วัดบางพลีใหญ่ใน) กันนะจ๊ะ พี่ดวงดีกับพี่ดวงเฮง ได้มีโอกาสไปกราบขอพรหลวงพ่อ แถมยังได้ของดีติดไม้ติดมือมาอีกคือ พระหลวงพ่อโตสามเหลี่ยมนางพญา รุ่น รวย รวย รวย ^ ^

ดูของดีกันแล้ว ใครอยากได้ไปเช่าบูชาให้เป็นสิริมงคลกันได้เลยนะจ๊ะ อย่าลืมเอาน้ำมันต์กลับมาดื่ม มาอาบเพื่อเสริมสิริมงคลด้วยล่ะ พี่ดวงเฮง ขอฝากไว้อีกนิดกันลืมนะว่า มีของดีอยู่ที่ตัวแล้ว อาบน้ำมนต์แล้ว ก็อย่าลืมทำดีกันด้วยนะจ๊ะ เพราะว่าถึงมีของดีเยอะแค่ไหน แต่ถ้าใจเราไม่ดี และยังทำไม่ดี ก็ยากที่อะไรจะช่วยเราได้นะจ๊ะ ^ ^

…………………………………………….

ประวัติหลวงพ่อโต (ประวัติโดยย่อ)

หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปปางค์มารวิชัย (สะดุ้งมาร) เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 3 ศอก 1 นิ้ว ลืมพระเนตรเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ วัดบางพลีใหญ่ใน
ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปที่มีพี่น้อง 3 องค์ ดังนี้
1. หลวงพ่อวัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นองค์พี่
2. หลวงพ่อโสธร วัดโสธร จังหวัดฉะเชิืงเทรา เป็นองค์กลาง
3.หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นองค์น้อง
ด้วยอภิหารและความศักดิ์ สิทธิ์ของหลวงพ่อโต เป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ทางวัดจึงจัดให้มีการเฉลิมฉลอง โดยมีงานสมโภชเป็นประจำทุกปี แบ่งออกเป็น 3 วาระดังนี้
1. งานนมัสการและปิดทองหลวงพ่อโต เริ่มงานตั้งแต่ขึ้น 15 ค่ำ ถึงแรม 2 ค่ำ ถึงแรม 2 คำ่ เดือน 4 รวม 3 วัน
2. งานทำบุญฉลองหลวงพ่อโตนิ่ม ในวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี
3. งานประเพณีรับบัว และนมัสการหลวงพ่อโต เิริ่มงานตั้งแต่วันขึ้น 11 ค่ำถึงขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี

ประวัติวัดบางพลีใหญ่ใน (ประวัติโดยย่อ)

วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด สมุทรปราการ วัดนี้อยู่ริมคลองสำโรง ห่างจากประตูน้ำ สำโรง ประมาณ 13 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 40 กว่าไร่

ทางประวัติศาสตร์ พระนเรศวรทรงยาตรากองทัพ ขับไล่ข้าศึกมาทางทิศตะวันออก ของกรุงศรีอยุธยา มาถึงตำบลหนึ่งไม่ปรากฏนาม ทางทำพิธีพลีกรรมบวงสรวงตามตำรับพิชัยสงคราม เมื่อชนะสงครามแล้ว พระองค์ทรงกลับมาสร้างพลับพลานี้และเรียกชื่อวัดนี้ว่า วัดพลับลพาชัยชนะสงคราม ต่อมา เรียกชื่อตามตำบลที่ทำพิธีพลีกรรมบวงสรวงว่า ตำบลบางพลี จึงเรียกวัดพลับพลาชัยชนะสงครามว่า วัดบางพลี ต่อมามีพระองค์ใหญ่ คือหลวงพ่อโต มาประดิษฐานในอุโบสถ และมีวัดบางพลีใหญ่กลางอยู่ด้านนอก จึงเรียกวัดพลับพลาชัยชนะสงครามว่า วัดบางพลีใหญ่ใน หรือวัดหลวงพ่อโร มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

อภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์

เสียงสวดมนต์ในคืน ๑๕ ค่ำ

อันอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อโตนั้น มีมากมายสุดจะนับได้ หลังจากที่ท่านได้ถูก อาราธนาประดิษฐาน ขึ้นจาก น้ำที่วัดบางพลีใหญ่ในแล้ว ท่านก็ยังได้แสดงอภินิหาร ให้ประชาชนเห็นกันอยู่บ่อยๆ ดังเช่น ครั้งท่านประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญของชาวบางพลี ท่านก็ยังได้แสดงอภินิหารให้ประชาชนเห็นกันอยู่บ่อยๆ ดังเช่น ครั้งที่ท่านประดิษฐานอยู่ในพระวิหารเก่า บางวันที่เป็นวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางคืนจะได้ยินเสียงพึมพำ อยู่ในวิหารคล้ายเสียงสวดมนต์ ครั้นเมื่อเข้าไปดูจึงไม่เห็นใครอยู่ในนั้นเลย นอกจากองค์หลวงพ่อโต นั่งพระพักตร์ยิ้มแฉ่ง จนผู้คนที่พบเห็นเข้าไปดูเกิดขนลุกซู่ ด้วยความศรัทธาเลื่อมใส

พระภิกษุชรานิรนาม

บางคราวพระภิกษุและสามเณรในวัดจะเห็นพระภิกษุชราห่มจีวรสีคร่ำคร่า ถือไม้เท้าเดินออกมาจากวิหารและยืนสงบนิ่งอยู่หน้าวิหาร ผู้ที่พบเห็น ต่างเรียกกันมาดู เมื่อทุกคนเห็นพร้อมกันแล้ว ภิกษุชรารูปนั้นก็เดินหายเข้าไปในวิหารตรงองค์หลวงพ่อโต เป็น ดังนี้แล้วหลายครั้งหลายครา

ชายชราสง่างาม

บางครั้งจะมีผู้คนเห็นเป็นชาวชรารูปร่างสง่างาม มีรัศมีเปล่งปลั่งนุ่งขาวห่มขาวเข้ามาหาหลวงพ่อ แล้วก็หายไปตรงพระพักตร์ของท่าน ซึ่งยังความปลาบปลื้มปีติแก่ผู้ที่ได้พบเห็น

ปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทอง

ที่ข้างวิหารนั้นมีสระน้ำย่อมๆ อยู่ใบหนึ่ง ในบางคราวจะมีปลาเงินปลาทอง หรือปลาตะเพียนเงิน ปลาตะเพียนทอง ขนาดใหญ่ ๒ ตัว ปรากฏให้เห็น ลอยเล่นน้ำคู่กันอยู่ในสระนั้น ซึ่งสระนั้นไม่เคยมีปลาตะเพียนมาก่อนเลย ด้วยนิมิตนี้ทางวัดจึงได้จัดให้มีปลาตะเพียน เงินปลาตะเพียนทองไว้สมนาคุณสำหรับบูชาไว้กับร้านค้าและบ้านเรือน ปรากฏว่าผู้ที่นำไปสักการะบูชาประสบลาภผลอย่างดียิ่งใน การทำมาหากินและโชคลาภ ประชาชนจึงถือว่าปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทองนี้ เป็นปลาคู่บารมีของหลวงพ่อโต จึงมีผู้คนต่าง นำไปสักการะมากมาย

นางไม้ต้นพิกุลกราบลาหลวงพ่อโต

เดิมก่อนนั้นหลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ในวหารเก่าของวัดบางพลีใหญ่ใน ซึ่งมีอายุนานเก่าแก่ นานคร่ำคร่าและทรุดโทรมลงไปมาก ทางวัดจึงพร้อมใจกันสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ถวายท่านใหม่ ขณะที่ก่อสร้างก็ได้รื้อิหารหลังเก่าออกมาแล้ว อาราธนาชะลอองค์หลวง พ่อมาพักอยู่ที่ศาลาชั่วคราว และได้ตัดต้นพิกุลหน้าวิหารซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ ๓ คน โอบออกเสีย เพราะเห็นว่าขึ้นใหญ่โตและ เกะกะบริเวณที่จะสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่และในคืนวันหนึ่งตรงพื้นเบื้องหน้าห่างหลวงพ่อราว ๒ ศอกเศษ ได้ปรากฏว่ามีรอยมือรอย เท้าแสดงท่าคุกเข่ากราบหลวงพ่อ รอยเท้าไม่ปรากฏตอนเข้ามา ปรากฏแต่รอยเท้าตอนเดินกลับเท่านั้น รุ่งขึ้นเช้าจึงได้มีผู้คนแตก ตื่นมาดูกันเป็นการใหญ่ ท่านผู้ใหญ่บางท่านบอกว่าเป็นรอยมือรอยเท้าของนางพิกุลที่มากราบลาหลวงพ่อ ซึ่งผู้ที่เฝ้าองค์หลวงพ่อ ที่ศาลานั้น ได้กล่าวว่าตนเองได้กลิ่นหอมของดอกพิกุลมาก จึงผงกศีรษะขึ้นดูอย่างงัวเงียจึงได้เห็นผู้หญิงสาวสวยผมยาวจรดบั้นเอว นุ่งผ้าห่มบไสคล้ายกลีบดอกจำปามาร่ำไห่กราบลาหลวงพ่อ เมื่อกราบลาหลวงพ่อแล้ว ก็เดินร่ำไห้ลงบันไดไป และแสดงอภินิหารฝาก รอยมือรอยเท้าให้ปรากฏไว้ให้เห็น ต้นพิกุลนี้หลังจากที่ได้ตัดแล้ว ต่อมาภายหลังได้แกะสลักเป็นรูป “พระสังกัจจายน์” ประดิษฐานไว้ที่ด้านหน้าวิหารหลังเล็กข้างพระอุโบสถ พระสังกัจจายน์ที่แกะด้วยต้นพิกุล มีชื่อเสียงมากในทางโชคลาภ มีผู้มาขอโชคกันบ่อยๆ จนเป็นที่เคารพนับถือ ของประชาชนทั่วไปอีกองค์หนึ่ง

เข้าพระอุโบสถไม่ได้

และเมื่อสร้างพระอุโบสถเสร็จใหม่ๆ ก่อนจะอาราธนาหลวงพ่อเข้าไปประดิษฐาน ภายในพระอุโบสถได้วัดองค์ท่านกับช่องประตูพระ อุโบสถ ช่องประตูใหญ่กว่าองค์ท่าน ประมาณ ๕ นิ้ว ซึ่งสามารถนำท่านชะลอผ่านประตูเข้าไปได้สบายมาก ครั้นเวลาอาราธนาหลวงพ่อ เข้าสู่พระอุโบสถจริงๆ กลับปรากฏว่าองค์หลวงพ่อใหญ่กว่าช่องประตูมาก จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถนำท่านผ่านประตูเข้าไปได้ คณะกรรมการและประชาชนทั้งหลายเห็นเช่นนั้นก็พากันตกใจ ให้ความเห็นว่าต้องทุบช่องประตูออกเสียให้กว้าง เมื่อนำหลวงพ่อ เข้าไปแล้วค่อยทำประตูกันใหม่ แต่บางส่วนให้ความเห็นว่าหลวงพ่อคงจะแสดงอภินิหารให้ทุกคนได้เห็นเป็นอัศจรรย์ จึงพร้อมใจ กันทั่วทุกคนจุดธูปเทียนบูชาอธิษฐานขอให้หลวงพ่อผ่านเข้าประตูพระอุโบสถได้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญคุ้มครองชาวบางพลีสืบต่อไปเมื่อ เสร็จจากอธิษฐานแล้ว ก็อาราธนาหลวงพ่อโตเข้าสู่ประตูพระอุโบสถใหม่ คราวนี้ทุกคนก็ต้องแปลกใจที่องค์หลวงพ่อโตผ่าน เข้า ประตูพระอุโบสถได้อย่างง่ายดาย โดยมีช่องว่างระหว่างองค์หลวงพ่อโต กับประตูพระอุโบสถเสียอีก นับว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์ในอภินิ หารและความศักดิ์สิทธิ์ ขององค์หลวงพ่อโตยิ่งนัก

รักษาโรคด้วยน้ำมนต์

นอกจากนั้น หลวงพ่อโตยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เจ็บปวยทั้งหลาย ที่มาบอกเล่าบนบาน กราบนมัสการท่าน บางท่านได้นำน้ำมนต์ หลวงพ่อไปเพื่อเป็นสิริมงคล ปรากฎว่า โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นนั้นกลับหายวันหายคืน

……………………………………………

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://watlhongphoatoabangplee.org/index.html

ทีมงาน

www.horoguide.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น